Confederation Minerals Lifestyle นิสัยการใช้ชีวิตที่ทำให้เกิด meibomian gland dysfunction และช่องทางหลีกเลี่ยง

นิสัยการใช้ชีวิตที่ทำให้เกิด meibomian gland dysfunction และช่องทางหลีกเลี่ยง

ความผิดปกติของต่อม Meibomian (MGD) เป็นภาวะทางตาที่พบบ่อยซึ่งมีลักษณะของการอุดตันหรือความผิดปกติภายในต่อม Meibomian ทำให้ไม่สามารถผลิตน้ำมันในดวงตาได้เพียงพอ ทำให้ตาแห้งและไม่สบาย ในขณะที่สาเหตุทางการแพทย์อื่นๆ อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคเอ็มจีดี พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างอาจทำให้บุคคลมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเอ็มจีดี หรือทำให้อาการของโรคเอ็มจีดีแย่ลง ในบทความนี้ เราจะสำรวจพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคเอ็มจีดีและวิธีหลีกเลี่ยง

1. นอนหลับไม่เพียงพอ

การอดนอนมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของอาการโรคเอ็มจีดี ระหว่างการนอนหลับ ต่อม Meibomian จะผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงและชุ่มชื้น ดังนั้นการอดนอนอาจทำให้การผลิตน้ำมันลดลงและอาการโรคเอ็มจีดีแย่ลง การฝึกสุขอนามัยการนอนที่ดีโดยตั้งเป้าหมายการนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนและหลีกเลี่ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนสามารถส่งเสริมการทำงานของต่อมที่แข็งแรง

2. ใช้เวลาหน้าจอมากเกินไป

การอยู่หน้าจอเป็นเวลานานอาจทำให้ตาแห้งและปวดตาได้ ซึ่งอาจส่งผลต่ออาการ meibomian gland dysfunction ซึ่งอาการนี้เรียกว่าอาการปวดตาแบบดิจิทัล ผู้ที่ใช้เวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแล็ปท็อปเป็นเวลานานมีความเสี่ยงต่อโรคเอ็มจีดี บุคคลทั่วไปสามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาได้โดยการปฏิบัติตามกฎ 20/20/20 หยุดพักทุกๆ 20 นาที มองออกไปห่างๆ 20 ฟุต แล้วหยุดพักเป็นเวลา 20 วินาที

3. โภชนาการอาการที่ไม่ดี

พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ดี เช่น การบริโภคคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และน้ำตาลมากเกินไปอาจส่งผลต่อการเกิด meibomian gland dysfunction  การศึกษาพบว่าการขาดวิตามินที่จำเป็น เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังเชื่อมโยงกับความผิดปกติของต่อมไมโบเมียน โดยไม่คำนึงถึงการวินิจฉัยทางการแพทย์ การรับประทานอาหารที่สมดุลซึ่งประกอบด้วยผลไม้ ผัก ปลาที่มีไขมัน ถั่ว และเมล็ดพืชเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการปกป้องสุขภาพโดยรวมของดวงตา

4. ขาดการออกกำลังกาย

การใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่งๆ นอนๆ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพต่างๆ รวมถึง meibomian gland dysfunction ดังนั้นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและบำรุงต่อมต่างๆ ให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคเอ็มจีดี กิจกรรมต่างๆ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน การฝึกความแข็งแรง และโยคะ สามารถช่วยให้ร่างกายและดวงตาแข็งแรง

5. การพบเจอกับความเครียดจากสภาพแวดล้อม

มลพิษทางสิ่งแวดล้อมภายนอกอาคารหรือการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการบังคับระบบทำความร้อนด้วยอากาศหรือเครื่องปรับอากาศสามารถทำให้เกิด meibomian gland dysfunction  ได้ อย่างการสัมผัสกับอากาศเสีย เช่น ควัน ฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ และสารระคายเคืองอื่นๆ อาจทำให้ตาแห้งและรบกวนการทำงานของต่อมที่เหมาะสม ดังนั้นผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมดังกล่าวจำเป็นต้องปกป้องดวงตาด้วยแว่นตาแบบพันรอบ และพิจารณาใช้น้ำตาเทียมเพื่อเสริมการหล่อลื่นดวงตาตามธรรมชาติ

6. หลีกเลี่ยงการตรวจวัดสายตา

meibomian gland dysfunction มักถูกเพิกเฉยหรือถูกวินิจฉัยผิดเนื่องจากการดำเนินโรคและการนำเสนอเริ่มต้นช้า การตรวจสายตาเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญและช่วยตรวจหาปัญหาพื้นฐานต่างๆ ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ การตรวจตาทำให้มีโอกาสตรวจพบได้ตั้งแต่เนิ่นๆ วินิจฉัยได้ทันท่วงที และรักษาโรคเอ็มจีดีได้

7. สุขอนามัยของดวงตาและคอนแทคเลนส์ไม่ดี

นิสัยด้านสุขอนามัยที่ไม่ดีเมื่อพูดถึงดวงตาสามารถนำไปสู่ความแห้งกร้านและการอุดตันของต่อม Meibomian นอกจากนี้ คอนแทคเลนส์ยังมีแนวโน้มที่จะดักจับแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อที่ดวงตาและโรค meibomian gland dysfunction  ปฏิบัติตามสุขอนามัยที่เหมาะสม เช่น ล้างมือก่อนใส่และถอดคอนแทคเลนส์ ฆ่าเชื้อคอนแทคเลนส์ เปลี่ยนคอนแทคเลนส์ทุก 3-6 เดือน และการทิ้งคอนแทคเลนส์เก่าสามารถช่วยป้องกัน MGD ได้

ความผิดปกติของต่อม Meibomian อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายแลพยุ่งยากในการจัดการ แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างสามารถลดอาการหรือปัญหาจากสิ่งเหล่านี้ได้ การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดจากสิ่งแวดล้อม การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ รับประทานอาหารให้สมดุล ดูแลรักษาสุขอนามัยของดวงตาและคอนแทคเลนส์อย่างเหมาะสม ทั้งหมดนี้สามารถช่วยป้องกันและจัดการกับ meibomian gland dysfunction ได้ การฝึกนิสัยที่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้สามารถปรับปรุงสุขภาพตาโดยรวมและคุณภาพชีวิตได้ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการเป็นผู้นำในการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดีเป็นวิธีการที่ครอบคลุมทุกด้านเพื่อสุขภาพที่ดี และเราต้องพิจารณาปัจจัยทั้งหมดเพื่อให้ดวงตามีสุขภาพที่ดี

Related Post

เตียงนอนเด็ก

ประโยชน์ของเตียงนอนเด็ก ประโยชน์ของเตียงนอนเด็ก 

คุณแม่หลายๆ คนกำลังพิจารณาอยู่ใช่หรือไม่ว่าควรเลือกซื้อเตียงนอนเด็กดีหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นคุณแม่ควรให้ลูกนอนบนเตียงนอนของตนเองจะดีกว่า เพื่อแยกเป็นสัดเป็นส่วน ซึ่งก่อนจะซื้อเตียงเด็ก มาดูกันดีกว่าหรือไม่ว่าข้อดีของการนอนบนเตียงเด็กนั้นมีอะไรบ้าง  1. แยกจากที่นอนของพ่อแม่  การให้ลูกน้อยของคุณนอนเตียงแยกออกจากเตียงของคุณจะช่วยป้องกันไม่ให้พ่อแม่กลิ้งตัวหรือนอนทับลูก และยังเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกน้อยนอนตกเตียงอีกด้วย เมื่อแยกจากที่นอนของพ่อและแม่ ลูกน้อยก็จะหลับได้อย่างยาวนานกว่าเดิม เนื่องจากว่าการพลิก การขยับของพ่อแม่อาจทำให้ลูกตกใจและสะดุ้งตื่นกลางดึกได้นั่นเอง  2. แม่นอนได้อย่างยาวนานกว่าเดิม  สำหรับการให้ลูกน้อยได้นอนเตียงของเด็กจะช่วยให้แม่นอนหลับได้เต็มอิ่มกว่าเดิมเนื่องจากไม่ต้องระวังว่าตนเองจะนอนกลิ้งไปทับลูก ทำให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า มีพลังทั้งกายและทั้งใจในการเลี้ยงลูกในวันต่อไปอีกด้วยนั่นเอง ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้การเลี้ยงลูกนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  3. เตียงเด็กรองรับสรีระมากกว่า  สำหรับเตียงของเด็กนั้น ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการรองรับสรีระของเด็ก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าที่นอนจะแข็งหรือนิ่มเกินไปจนลูกน้อยนอนไม่สบาย เพราะว่าการเลือกเตียงนอนที่เหมาะสมกับลูกน้อยจะทำให้ลูกนอนได้อย่างสบายใจไปทั้งคืนเลยก็ว่าได้  4. แม่มีเวลามากกว่าเดิม  เมื่อลูกนอนหลับหรือเล่นบนเตียงนอนเด็กแม่ก็ทำงานได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลอีกด้วยว่าลูกจะคลานไปในจุดใดจนทำให้เกิดอันตราย ทำให้เตียงนอนคือสนามเด็กเล่นที่รัดกุมและปลอดภัยกว่าเดิม